05530381 | Software Engineering | ||
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ | |||
สังกัด | บริหารธุรกิจ, บริหารธุรกิจ | ||
หน่วยกิต | 3 (3-0-3) | ||
อาจารย์ | จันทิมา เอกวงษ์ | ||
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
์ |
|
Software Effort Estimate การประมาณการ Project Leader หรือ Project Manager หรือกลุ่มคน หรือกลุ่มคนภายนอก Project Team เป็นคนทำ ซึ่งเป็นการประมาณจากความเป็นจริง (Realistic) ไม่ใช่การคาดเดาหรือการประมาณการ ถ้าไม่สามารถใช้อะไรคำนวณได้ ให้พิจารณาจาก Project เก่า
การประมาณการจะทำเมื่อใด
- Strategic Planning
- Feasibility Study
- System Specification
- Evaluation of Supplier proposals (ใบเสนอราคาของ Supplier) ถ้าเป็นซื้อ
Software ให้ดูที่ Spec
- Project Planning เน้นที่ Activity การประมาณการเน้น ความคืบหน้าของงานและ
Requirement ตรงตามที่ user ต้องการหรือไม่
การ Estimate จะต้องทำ Activities Planning ก่อน
การประมาณการจะพบ 2 ลักษณะ
-Under Estimate
-Over Estimate
ในการ Estimate ผิดพลาด + 20 % ถือว่ามีการวางแผนที่ดี เพราะ
ยากที่จะประมาณการได้ถูกต้อง 100 %
การประมาณไว้ Under Estimate ทำให้งานเสร็จไม่ทันตามกำหนด
ต้นทุนสูง ความเสี่ยงสูง และคุณภาพต่ำ
การประมาณไว้ Over Estimate ข้อดี คือ งานเสร็จทันตามกำหนดและ
ตรงตามความต้องการของ user ข้อเสีย คือ ต้นทุนสูง
The basic for software estimate
หลักการพื้นฐานของการประมาณการ มีดังนี้
- ใช้ข้อมูลเก่า
-วัดตาม Sources line of code ถ้า Project ใหญ่ หน่วยวัดเป็น KLOC (หน่วยเป็นพัน Line)
-Complexity ใช้ความยากง่ายเป็นตัววัด
เทคนิคในการประมาณการ
1.Algorithmic Models พิจารณาจาก Target , การ Implement จะทำให้ทราบว่าใช้คนเท่าใด
2.Expert judgement ใช้คนมีประสบการณ์ในการประมาณการและตัดสินใจ
3.Analogy พิจารณาจาก Project เก่าหรือ Project ที่ใกล้เคียงกัน แล้วมาคำนวณใหม่
4.Parkinson พิจารณาว่ามีคนจำนวนเท่าใดในการทำ Project แล้วนำมาคำนวณ
5.Price to win ราคาที่คุ้มค่าที่สุดในการทำ (เป็นวิธีที่ Vendor ใช้ในการประมาณการ) โดยพิจารณาจาก Vendor เสนอ
6.Top – down คิดทั้ง Project แล้วมาแตกเป็นงานเล็ก ๆ
7.Bottom – up ประมาณจากงานย่อย ๆ แล้วรวมทั้ง Project
Bottom – up Estimating (Activity Project) ประมาณการจากงาน (Activity) เล็ก ๆ แล้วรวมเป็น Project ทำให้ทราบว่าใช้คนเท่าใด เวลาเท่าใด วิธีนี้จะประมาณได้ใกล้เคียงมากที่สุด
Bottom – up เหมาะกับ Project ใหม่ หรือ Project ที่ไม่เคยมีข้อมูล หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไร
Top – down Estimating (Project Activity)
เหมาะกับ Project ที่มี Project เก่าเป็นตัวอย่าง โดยประมาณการทั้ง Project แล้วประมาณการแตกย่อยเป็น Activity
การจะเลือกใช้วิธี bottom – up หรือ top-down ต้องพิจารณาเลือกว่าวิธีใดเหมาะสม
สูตร Effort = (System size) x (Productivity Rate)
ตัวอย่าง Project มี source line of code = 2,000 line
Productivity rate = 40 days/KLOC
Albrecht function point analysis
Function Point มี 5 ประเภท ได้แก่
|