.:: ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ ::.

 

 

 

 

 

05530381 Software Engineering
  วิศวกรรมซอฟต์แวร์
  สังกัด บริหารธุรกิจ, บริหารธุรกิจ
  หน่วยกิต 3 (3-0-3)
อาจารย์ จันทิมา เอกวงษ์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

 

  • ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิศวกรรมซอฟต์แวร์
  • การวางแผนพัฒนาซอฟต์แวร์
  • Software Process  Model
  • Activity Planning
  • Software Effort  Estimate  การประมาณการ
  • Risk Management
  • Resource  Allocation การจัดสรรทรัพยากร
  • Monitoring and Control
  • Outsource  
  • การพัฒนาซอฟต์แวร์

 

Activity Planning

วัตถุประสงค์
•ประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ
•กำหนดทรัพยากร - ใช้ทรัพยากรเท่าใดเพื่อให้งานเสร็จตามกำหนด
•กำหนดรายละเอียดต้นทุนว่าใช้ต้นทุนเท่าใด และระยะเวลาในการทำงาน
•ทำงานได้ถูกต้อง
•สามารถประสานงานกับ  Project  Team  ได้ง่ายขึ้น
•การติดตามดูแลง่าย
การวางแผนงาน/กิจกรรม 
ทำให้ได้รายละเอียดของงาน/กิจกรรม  ดังนี้
  •  งานเริ่มเมื่อใดและสิ้นสุดเมื่อใด
  •  มีงาน/กิจกรรมอะไรบ้าง
  •  ใครทำงาน/กิจกรรมใด
  •  สามารถวัดผลสำเร็จของงานได้ว่างานเสร็จแล้วจำนวนเท่าใด (%)
  •  สามารถคำนวณเป็นเงินได้
  •  งานที่หายไป  สามารถนำกลับเข้ามาได้
  •  ทำให้มั่นใจว่าใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และคุ้มค่า
  •  งานที่ใช้ทรัพยากรเหมือนกัน  ทำในเวลาเดียวกัน  สามารถแบ่งคน  กลุ่มเดียวกันทำได้  ถ้าไม่วางแผนจะมองไม่เห็น
   
การกำหนดกิจกรรมหลัก
 (The  activity-based approach)

•แจงรายละเอียดกิจกรรมทั้งหมดออกมา  Project ใหญ่  กิจกรรมจะมีมาก  ดังนั้นให้กำหนดเฉพาะกิจกรรมหลัก  กิจกรรมใดเหมือนกันรวมเข้าด้วยกัน  กิจกรรมใดต่างกัน  แยกกิจกรรมนั้นออกมา

•Activities  Plan  มี   3  แบบ
1.  The  activity-based approach
    เขียนรายละเอียดกิจกรรมทั้งหมดออกมา  Project ใหญ่  กิจกรรมจะมีมาก  ดังนั้นให้กำหนดเฉพาะกิจกรรมหลัก  กิจกรรมใดเหมือนกันรวมเข้าด้วยกัน  กิจกรรมใดต่างกัน  แยกกิจกรรมนั้นออกมา  แล้วนำกิจกรรมต่าง ๆ นั้นมาทำ  Work breakdown  structure (WBS)  เพื่อ  list  กิจกรรมทั้งหมดออกมา  ทำให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมด  การแบ่งกิจกรรมย่อยลงมา  ทำให้ควบคุมง่าย  ทั้งนี้ยังมีประโยชน์  คือ  ลดความซ้ำซ้อนของงานและทรัพยากร
2. The  product – based  approach  
ตรงข้ามกับThe activity-based approach คือ จะบอกว่าได้ผลอะไรออกมา  (Product, Outcome)  ใช้ในเรื่อง  Prince 2 ซึ่งเน้น  Document  โดยใช้  WBS และ  Product Flow  Diagram  (PFD)
3. The  hybrid  approach  ใช้ The  activity-based approach ผสมกับ The  product – based  approach เช่น  IBM  แบ่งเป็น  5  level  ได้แก่
-  Project
-  Deliverable
-  Components
-  Work – packages
-  Tasks
หลักในการทำ  Network  Model
•Node  เริ่มต้น  ควรมี  Node  เดียว
•Node  สุดท้าย  ควรมี  Node เดียว
•กำหนดเวลาของแต่ละกิจกรรม ใช้เวลาเท่าใด
•กำหนดลำดับของงาน  งานใดทำก่อน  งานใดทำหลัง
•เขียนจากซ้ายไปขวา
•ไม่ควรมี  Loop  เพราะจะทำให้บอกไม่ได้ว่างานจะเสร็จเมื่อใด 
•ไม่ควรมีงานเหลือค้างอยู่  -  ควรโยงไป End Node